งานศิลปะในเมือง ช่วยสร้างสรรค์สังคมได้อย่างไร?
เมื่อพูดถึงงานศิลปะ เรามักนึกถึงหอศิลป์และแกเลอรี่ แต่อันที่จริง งานศิลปะควรมีที่ทางอยู่ที่ไหน ควรอยู่ในพื้นที่เฉพาะ หรือควรพบเจอได้ทั่วไปในทุกๆ ที่
หลายคนอาจบอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศ "กำลังพัฒนา" ซึ่งไม่มีงบประมาณเพียงพอในการจัดวางงานศิลปะให้ผู้คนพบเห็นและศึกษาได้โดยทั่วไป เรายังมีปัญหาในสังคมอีกมากมายที่ต้องเร่งแก้ไขมากกว่า และงานศิลปะเป็นเพียงสิ่งฟุ่มเฟือยที่ไม่ทำให้เกิดผลที่จับต้องได้
แต่จากงานวิจัยของ University of Pennsylvania ที่เข้ามาศึกษาอิทธิพลของงานศิลปะและวัฒนธรรมในเมือง (โดยใช้เมือง New York เป็นกรณีศึกษาตลอด 3 ปี) กลับพบว่างานศิลปะที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วไปในเมืองไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้แก่เมือง และทำให้เกิดการจ้างแรงงานชั้นสูงเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตของคนในเมืองที่ดีขึ้นในอีกหลายด้าน เช่น
* ลดเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงต่อเด็กได้ 14%
* ลดอัตราการก่ออาชญากรรมได้ 18%
* เพิ่มจำนวนเยาวชนที่มีผลการเรียน "ดี" 18%
* ลดอัตราการเป็นโรคอ้วนของประชาชนได้ 5%
การศึกษาในครั้งนี้ได้พบความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมที่มีงานศิลปะและวัฒนธรรม (neighborhood cultural ecology) กับสุขภาวะของผู้คน (community wellbeing) แม้ในพื้นที่เมืองจะมีการกระจายตัวของงานศิลปะที่ยังไม่ทั่วถึงก็ตาม แต่ก็พบว่าผู้คนจะกระจุกตัวใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากกว่าในพื้นที่ที่มีศิลปะ และอิทธิพลด้านบวกของงานศิลปะนี้สามารถส่งผลด้านบวกต่อผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยและที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งงานศิลปะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อพวกเขาได้มากที่สุด
เห็นอย่างนี้เราคงพูดไม่ได้แล้วว่างานศิลปะเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือย แต่งานศิลปะอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยพัฒนาเมืองและชุมชน และจะพาให้เราก้าวข้ามการเป็นประเทศ "กำลังพัฒนา" ไปสู่การเป็นประเทศที่ "พัฒนาแล้ว" เสียที
SolidSprout
#ออกแบบเพื่อสร้างสรรค์สังคม
⚡ ติดต่อเรา : 061 491 8292
✅ Line : http://line.me/ti/p/~solidsprout (ID: solidsprout)
✉️ Email : info@solidsprout.com
🌎 เยี่ยมชมเว็บไซต์ : www.solidsprout.com
งานวิจัยที่อ้างอิง Stern, M. J., & Seifert, S. C. (2017). The Social Wellbeing of New York City's Neighborhoods: The Contribution of Culture and the Arts.
Hozzászólások